ข่าวชาวสงขลานครินทร์

    ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดกิจกรรม "ผู้บริหารสัญจร" ใน 5 วิทยาเขต เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์นโยบาย และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาในด้านต่างๆ โดยวางเป้าหมายเพื่อหนุนเสริมระบบ PSU System เพื่อการทำงานข้ามวิทยาเขตและการทำโครงการใหญ่ร่วมกัน โดยใช้ศักยภาพของทุกฝ่ายในมหาวิทยาลัย และขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ของวิทยาเขตให้ไปในทิศทางที่ได้วางแผนไว้ เพื่อก้าวสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งคุณค่าเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับแนวหน้าของโลก” โดยผู้บริหารหลักที่นำเสนอนโยบายประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนิต เฉลิมยานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและการเงิน  ที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวได้มีขึ้นแล้วที่วิทยาเขตภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และปัตตานี และกำลังจะจัดที่วิทยาเขตตรังและหาดใหญ่ เป็นวิทยาเขตต่อไป

    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปี 2566-2570 ที่มีการปรับทั้งในเชิงระบบและการทบทวนตัวเอง การมองไปข้างหน้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และการทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ อย่างเข้มแข็ง ซึ่งในการขับเคลื่อนไปด้วยกันนี้ต้องใช้การสานพลังทั้งภายในและภายนอกเป็นหลักสำคัญ โดยมีความคาดหวัง เพื่อการเป็นผู้นำทางวิชาการ สร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศ และนำสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ การพัฒนากำลังคนศักยภาพสูงพร้อมที่จะทำงานในระดับสากล และการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ที่ให้โอกาสทางวิชาการ สร้างโอกาสสร้างอาชีพและความเป็นธรรมให้กับสังคม และมุ่งประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์

    อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า "ผู้บริหารสัญจร" รอบนี้เป็นการนำเสนอรอบแรก เพราะมีการปรับวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ให้ชัดขึ้นกว่าเดิมจากที่มีเพียงการพูดกว้างๆ ว่าเราจะเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ครั้งนี้มีการกำหนดประเด็นหลักค่อนข้างชัด ทำให้การสื่อสารเป็นไปในเรื่องเดียวกันมากขึ้น โดยในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 จะมีการจัดกิจกรรม “สมัชชา ม.อ.” ซึ่งจะเป็นการรับฟังความเห็นเรื่อง วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ในภาพใหญ่ของทั้ง 5 วิทยาเขต เพื่อการเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งคุณค่าเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับแนวหน้าของโลก” ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ 

    “ผมเชื่อในพลังของชาวสงขลานครินทร์ เชื่อว่าความตั้งใจในการทำประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์อยู่ในใจของพวกเราทุกคน และทักษะและความรู้ความสามารถของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และการพยายามฝึกฝน ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือความพยายามและความตั้งใจ โดยมหาวิทยาลัยจะมีคุณค่ามีความหมายนั้นต้องมีการสร้างประโยชน์ที่คนมองเห็น และสร้างคุณค่าให้สังคมได้ประจักษ์”